วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2562

สมุนไพรกับโรค !! เบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจโต (ตอนที่1)

สมุนไพรกับโรค !! เบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจโต
     โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไขมันในเส้นเลือดสูง และโรคหัวใจโต ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็นโรคที่คนเป็นกันค่อนข้างมาก และมีมากเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยโรคเหล่านี้มักจะมาพร้อม ๆ กันเป็นแพ็คเกจ โดยที่ไม่เกี่ยงเพศ และวัยกันเลยทีเดียว ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักคร่าว ๆ กับโรคเหล่านี้กัน

1. โรคเบาหวาน
     
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     เป็นโรคที่เรารู้จักกันว่า มีน้ำตาลในเลือดสูงนั่นเอง อันเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย หรือนำน้ำตาลมาใช้ให้เหมาะสมนั่นเอง จนเกิดสภาวะที่ในเลือดมีน้ำตาลคงค้างอยู่ในปริมาณที่มากเกินไป

2. โรคความดันโลหิตสูง
     
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     คือ สภาวะที่ความดันในหลอดเลือดมีค่าที่สูงเกินไป โดยค่าความดันมาจากการที่หัวใจบีบตัวเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เปรียบได้เหมือนปั๊มน้ำนั่นเอง ที่ต้องส่งน้ำไปยังจุดต่าง ๆ ในบ้าน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าความดันในเลือดสูงก็คือการที่หัวใจมีการบีบตัวแรงขึ้นเพื่อที่จะส่งเลือดให้ไปเลี้ยงอวัยวะได้เพียงพอ แต่ทำไมต้องบีบแรงขึ้น ก็เพราะว่าหลอดเลือดที่เลือดเดินทางนั้นมันตีบลง หรือเลือดมีความหนืด ข้น จึงไหลไม่สะดวก ดังนั้น หัวใจจึงต้องใช้แรงมากขึ้นในการที่จะส่งเลือดออกไปนั่นเอง

3. โรคไขมันในเลือดสูง
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     เมื่อปริมาณไขมันที่เราบริโภคเข้าไปในร่างกาย มีมากเกินกว่าที่ร่างกายนำไปใช้เมื่อใดนั้น ก็จะเกิดสภาวะที่มีการตกข้างของไขมันในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นในหลอดเลือด ตับ กล้ามเนื้อ ต่าง ๆ จนเมื่อสะสมในระดับหนึ่ง ก็ส่งผลเสียต่อร่างกาย เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ขึ้นมา

4. โรคหัวใจโต
     
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     คือ การที่ขนาดของกล้ามเนื้อหัวใจมีการหนาตัวโตขึ้นมากกว่าปกติ จนส่งผลให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ ผิดจังหวะไป ซึ่งเป็นสาเหตุต่อการเสียชีวิตได้ โดยการที่ขนาดของกล้ามเนื้อหัวใจที่โตขึ้นมาก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการที่หัวใจมีการทำงานที่มากขึ้นกว่าปกติ จนทำให้กล้ามเนื้อหัวใจมีการพัฒนาตัวเองให้หนาตัวขึ้น ซึ่งคล้ายกับเวลาเล่นกล้าม เพิ่มมวลกล้ามเนื้อนั่นเอง เมื่อเราจะเพิ่มกล้ามเนื้อแขน ก็ต้องเล่นกล้ามแขน จึงจะทำให้กล้ามแขนมีการเพิ่มขนาดขึ้น

ความสัมพันธ์ของโรคที่ 4 โรค
     ดังที่กล่าวไว้ว่า โรคเหล่านี้มักจะมาเป็นแพ็คเกจ พร้อม ๆ กัน โดยคนส่วนมากยังไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะอะไร เป็นโรคนี้ จึงเป็นโรคนั้น ตาม ๆ มา ตอนนี้เรามาดูกันว่า โรคเหล่านี้สัมพันธ์กันอย่างไร
     โรคทั้ง 4 โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากพฤติกรรม เกิดการการดำเนินชีวิตของเราในทุก ๆ วัน บ่มเพาะจนเกิดโรคนี้ขึ้น กล่าวคือ การทานอาหารที่ไม่ถูกหลักอนามัย ไม่ออกกำลังกาย ขับถ่ายไม่เป็นปกติ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ฯลฯ
     จากพฤติกรรมดังกล่าว บ่มเพาะให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายมีปัญหา เกิดการสะสมของเสียต่าง ๆ อาทิไขมัน จนก่อเกิดเป็นไขมันในเลือดสูง เมื่อสะสมมากขึ้น ลุกลามไปสะสมยังตับ ทำให้ระบบการทำงานของตับมีปัญหา ก่อให้เกิดโรคเบาหวานตามมา นานเข้าระดับไขมันเกาะในหลอดเลือด ทำให้ตีบ แคบลง เลือดไหลไม่สะดวก หัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้น จนกลายเป็นโรคความดันสูง  ครั้นหัวใจเมื่อทำงานหนัก บีบตัวแรงเป็นประจำ ก็เกิดกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวขึ้น จนเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจโต
     
     ทีนี้พอจะเข้าใจที่มาของโรค 4 โรคนี้แล้วนะครับ ในตอนต่อไปเราจะมาเจาะลึกการดูแลรักษา และการใช้ยาสมุนไพรของโรคแต่ละโรคตามแนวทางการแพทย์แผนไทยครับ


     บทความโดย
พท.อมรชัย แก้วเรือน

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สงสัยไหม !! หมอสมุนไพร รักษาท้องผูกกันอย่างไร ?

สงสัยไหม !! หมอสมุนไพร รักษาท้องผูกกันอย่างไร ?
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     ในปัจจุบันอาการท้องผูก ถ่ายเป็นก้อนแข็ง ถ่ายลำบาก นับได้ว่าเป็นกันค่อนข้างมาก โดยอาการนี้ค่อนข้างสร้างปัญหาในการดำรงชีวิตพอสมควร เมื่อขับถ่ายไม่ออกก็เกิดอาการอึดอัดท้อง แน่นท้อง พอขับถ่ายก็เกิดปัญหาถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วยในบางราย

     สมมุติฐานตามหลักการแพทย์แผนไทย มองว่าเกิดปัญหาในเรื่องของธาตุลมทำงานผิดปกติ โดยธาตุลมในร่างกาย จะแบ่งหน้าที่กันทำงานอยู่ 6 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งลมที่มีปัญหาคือ ลมโกฎฐาสยาวาตา หรือที่รู้จักกันในฐานะลมที่พัดเคลื่อนที่จากเบื้องบ้นลงสู่เบื้องล่างนั่นเอง เมื่อลมตัวนี้เกิดปัญหา ทำงานผิดปกติ ระบบขับถ่ายก็จะเกิดปัญหาตามมาทั้งปัสสาวะ และอุจจาระ

     เพราะเหตุใด ลมตัวนี้จึงเกิดปัญหาขึ้นมา ในการเคลื่อนที่ของธาตุลมในร่างกาย จะสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ของธาตุไฟ ดังนั้นกล่าวได้ว่า ธาตุไฟในร่างกายก็เกิดการทำงานผิดปกติเช่นกัน

     ด้วยสภาพอากาศในประเทศไทยค่อนข้างร้อน คนส่วนใหญ่มักดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ น้ำแข็ง ไอศครีม อาหารที่มีฤทธิ์เย็นต่าง ๆ เมื่อทานเข้าไปบ่อย ๆ ก็ส่งผลให้ธาตุไฟผิดปกติ ตามมาด้วยธาตุลมผิดปกตินั่นเอง

     รวมถึงกลุ่มคนที่ต้องทำงานเร่งรีบ ทำงานที่ไม่สะดวกเข้าห้องน้ำ ทำให้ต้องกลั้นการขับถ่ายบ่อย ๆ และการดื่มน้ำที่น้อย ทานอาหารที่มีกากใยน้อยด้วยเช่นกัน

     จะเห็นได้ว่าอาการท้องผูกนี้ ไม่ได้มาจากเชื้อโรค หรือการติดต่อจากผู้อื่นใด ๆ แต่เกิดจากพฤติกรรมของตัวเราเองล้วน ๆ ซึ่งส่วนมากมาจากพฤติกรรมในการทานอาหารนั่นเอง

     ดังนั้นแนวทางในการรักษาของหมอสมุนไพร จะมี 2 ส่วนด้วยกันคือ
1. การใช้ยาสมุนไพรที่ช่วยในการระบาย ขับถ่าย ซึ่งจะมีอยู่หลาย ๆ ตำรับยาด้วยกัน อาทิเช่น
     1.1 ยาธรณีสัณฑฆาต


     ยาสมุนไพรแผนโบราณนี้ เป็นหนึ่งในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ซึ่งมีฤทธิ์ในการขับถ่ายอุจจาระ ท้องผูก เถาดานในท้อง ซึ่งยาตำรับนี้ค่อนข้างมีฤทธิ์ร้อน ไม่เหมาะกับเด็ก ผู้ที่มีไข้ หรือกำลังตั้งครรภ์
     
     1.2 ยาถ่ายดีเกลือ 
     ยาตำรับนี้จะเป็นที่รู้จักทั่วไปในนามยาน้ำระดมพล โดยยาตำรับนี้จะมีฤทธิ์ที่เย็นกว่ายาธรณีสัณฑฆาต มีฤทธิ์ในการถ่าย ระบาย ถ่ายน้ำเหลือเสีย

     1.3 สมุนไพรตรีผลา


     สมุนไพรตรีผลา เป็นหนี่งในยาพิกัดตรี โดยผสมเอาสมุนไพร 3 ชนิดเข้ามารวมกัน โดยสมุนไพรตำรับนี้นอกจากจะมีฤทธิ์ในการช่วยระบายได้ดีแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลธาตุในร่างกายได้อีกด้วย

     3 ตำรับนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสามารถหาซื้อมาใช้ได้ง่าย และค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงอันตรายร้ายแรงกับผู้ใช้
     ซึ่งในตำรายาสมุนไพรแล้ว ยังมีอีกหลายตำรับมากที่ช่วยในการระบาย ขับถ่าย ขับของเสียในร่างกาย แต่การนำมาใช้ควรปรึกษากับแพทย์แผนไทยทุกครั้ง เพื่อจะได้ใช้อย่างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย

2. การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน
     ด้วยจากสาเหตุของอาการท้องผูก มาจากพฤติกรรมของเรา ดังนั้นการแก้ไขปัญหาอย่างถาวรก็คือการปรับพฤติกรรมนั่นเอง ดังนี้
     2.1 การหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัด น้ำแข็ง ไอศครีม เป็นประจำ เพื่อไม่ให้ธาตุในร่างกายทำงานผิดปกติ
     2.2 การดื่มน้ำเปล่า ที่ไม่เย็นให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิภายในร่างกายไม่ให้ร้อน หรือเย็นจนเกินไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกาย และกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ
     2.3 การทานอาหารที่มีกากใย เพื่อช่วยให้อุจจาระสามารถระบายออกมาได้ปกติ
     2.4 การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้ระบบกล้ามเนื้อ ระบบภายในร่างกาย ทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเสริมสุขภาพให้แข็งแร็งดีขึ้นด้วย

     เพียงเท่านี้ เราก็ห่างไกลจากอาการท้องผูกได้อย่างถาวร

     บทความโดย
พท.อมรชัย แก้วเรือน

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2561

มะละกอ PAPAYA ได้ชื่อว่าเป็นผลไม้แก้อาการท้องผูก สรรพคุณเป็นยาระบายได้

มะละกอ PAPAYA ได้ชื่อว่าเป็นผลไม้แก้อาการท้องผูก สรรพคุณเป็นยาระบายได้



ผลไม้หาทานง่าย ช่วยการถ่ายยาก แก้ท้องผูก ใช้เป็นยาระบายจากธรรมชาติได้
มะละกอดิบในเมนู ส้มตำ สร้างชื่อเป็นเมนูยอดนิยมตลอดกาลที่รู้จักกันไปทั่วโลก
เป็นอาหารประจำชาติที่ถูกปากคนไทยกันมาอย่างช้านาน รสชาติอร่อย



ประวัติมะละกอ มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปอเมริกากลาง เป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายมากขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด โตไวรับประทานได้ทั้งแบบสุกและดิบ ปลูกมะละกอทำอาหารได้หลากหลาย เช่นส้มตำ แกงส้มมะละกอ ผัดมะละกอ รับประทานเป็นผลไม้แบบสุก ช่วยเรื่องของผิวพรรณมะละกอมีคุณประโยชน์ที่ดีมากช่วยการขับถ่ายทานง่าย เหมาะมากกับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ ถ่ายยาก ในผู้สูงวัยที่มีระบบขับถ่ายเสื่อม ผู้ป่วยสามารถรับประทานได้



ชื่อเรียกตามพื้นถิ่นของมะละกอ ภาคเหนือเรียก บะก้วยเต๊ด ทางอีสารบักหุ่ง ภาคใต้บางพื้นที่เรียกมะเต๊ะ
สายพันธุ์ของมะละกอ

มะละกอมีหลากหลายพันธุ์ที่นิยมและได้ยินชื่อกันมาก เช่น แขกดำ มะละกอฮอลแลนด์ สายน้ำผึ้ง ครั่ง แขกนวล แบ่งเพศได้คือมะละกอตัวผู้และมะละกอตัวเมีย ควรเลือกรับประทานผลที่สดใหม่ ไม่มีรอยตำหนิช้ำหรือเน่าเสีย จึงจะได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์มาก


มะละกออุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ฟลาโวนอยด์ โฟเลต โพแทสเซี่ยม แมกนีเซี่ยม เส้นใยอาหาร และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่มีไขมันหรือคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสีย สามารถทานได้ทุกวัย มีวิตามินที่สามารถใช้บำรุงสายตาได้

สารสีแดงส้มในมะละกอมีไลโคพีน สามารถช่วยป้องกันโรคของต่อมลูกหมากได้

ประโยชน์ในทางยาไทย หมอโบราณใช้รากมะละกอ แก้อาการที่เกี่ยวกับกามโรค / ยางมะละกอ
สามารถใช้กัดหัวสิว หรือหัวหูดได้



ในน้ำยางที่ผิวของลูกดิบมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า พาเพน สามารถช่วยย่อยโปรตีนได้เป็นอย่างดี จึงนำมาใช้ในการหมักเนื้อให้นุ่มก่อนการนำไปปรุงอาหาร และยังสามารถใช้ขัดผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า ข้อควรระวังผู้ใช้ควรทดสอบการแพ้ก่อนทุกครั้ง


การแปรรูปมะละกอสามารถทำได้อย่างหลากหลาย ปัจจุบันผู้ปลูกมะละกอมีแหล่งความรู้และหน่วยงานที่ปรึกษาในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะละกอได้มากมายเช่น การทำมะละกอเส้นเค็ม การแช่อิ่ม การทำไอศกรีม น้ำมะละกอ การหาตลาดในท้องถิ่นนั้นๆให้ถึงมือผู้บริโภคได้เองจะทำให้ราคามะละกอดีมากกว่าขายผ่านพ่อค้าคนกลางเกษตรกรส่วนมากถูกกดราคาไม่ได้รับความเป็นธรรม

การรับประทานมะละกอสุกมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่จำกัดน้ำตาลหรือผู้ที่เป็นเบาหวานควรรับประทานด้วยความระมัดระวัง

มะละกอกรอบๆที่นำมาทำส้มตำเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างมาก เพราะไม่ทำให้อ้วนแล้ว มีสารอาหารที่ดีครบถ้วนจากเครื่องปรุงต่างๆ สามารถหาทานได้ง่ายและอร่อยครับ

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561

กรดไหลย้อน !! โรคยอดฮิต พิชิตด้วยยาสมุนไพร

กรดไหลย้อน !! โรคยอดฮิต พิชิตด้วยยาสมุนไพร
     ยุคปัจจุบันนี้ เป็นยุคแห่งการรีบเร่ง ยุคแห่งการแข่งขัน ใครใช้เวลาได้คุ้มค่าที่สุด ถือว่าได้เปรียบคู่แข่ง ได้เปรียบคนอื่น ๆ แต่กระนั้น ด้วยความเร่งรีบจนเกินไป ก็ทำให้เกิดโรคตามมาคือ โรคกรดไหลย้อน นั่นเอง
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     ด้วยวิถีที่รีบเร่งในชีวิตประจำวัน จึงทำให้ทานอาหารไม่ตรงเวลา ทานอาหารรีบเร่ง จนทำให้ระบบการย่อยอาหารค่อย ๆ มีปัญหาขึ้น สะสมจนทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนขึ้น
     ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โรคนี้มีมาตั้งแต่โบราณ โดยได้มีการระบุไว้ในคัมภีร์กระษัย หนึ่งในคัมภีร์แพทย์แผนโบราณ 

     อาการของโรคกรดไหลย้อน ผู้ป่วยมักจะมีอาการภายหลังจากที่ได้ทานอาหารเข้าไปแล้ว โดยจะมีอาหารแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ แสบร้อนในอก และมีการเรอเหม็นเปรี้ยว โดยอาการนี้ตรงกับโรคตามคัมภีร์กระษัย ก็คือโรคกระษัยท้น นั่นเอง   

     สมมุติฐานการเกิดโรค ทางแผนไทยมองว่าเกิดจากอาหารเก่า อาหารในกระเพาะที่หมักหมมอันเนื่องมาจากระบบย่อยอาหารที่ผิดปกติ จนเกิดลมแน่น เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และเมื่อเรอก็เกิดการดันเอาน้ำย่อยไหลขึ้นมาด้วย จนเกิดแสบร้อนอก หลอดอาหาร นั่นเอง

     ขั้นตอนในการรักษาตามแนวทางการแพทย์แผนไทย
1. การใช้ยาสมุนไพร ดังนี้
     1.1 ยาธรณีสัณฑฆาต ใช้ในการระบายอาหารเก่า ที่อาหารที่เสีย ตกค้างในกระเพาะอาหาร และลำไส้ ซึ่งที่รู้จักกันว่า การดีท็อก dtox นั้นเอง

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     ยาธรณีสัณฑฆาตเป็นยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณขนานหนึ่ง ที่มีฤทธิ์ในการระบาย โดยวิธีการใช้นั้น จะใช้ตามธาตุหนักเบาของแต่ละบุคคล คือการถ่ายง่าย ถ่ายยากนั่นเอง และจะใช้เพียงสัปดาห์ ละ 1-2 ครั้งในระยะแรก และหลังจากนั้นทานเพียงเดือนละครั้ง

     1.2 ยาประสะเจตพังคี ใช้ในการรักษาอาการจุกเสียด แน่นท้อง เรอเหม็นเปรี้ยว

ภาพจาก www.samunprai.com

     ยาตำรับนี้เป็นอีกหนึ่งในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ซึ่งใช้ในการรักษาอาการจุกเสียด แน่นท้อง โดยยานี้จะใช้ทานก่อนอาหารสามเวลา ต่อเนื่องจนกว่าจะหายจากอาการดังกล่าว

     1.3 พิกัดตรีผลา คือสมุนไพร 3 ชนิด นำมารวมกัน ได้แก่ มะขามป้อม สมอไทย และสมอพิเภก

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     โดยสรรพคุณของสมุนไพรตำรับนี้ ใช้ในการปรับสมดุลธาตุในร่างกายให้สมดุล และยังช่วยในการระบายของเสีย ระบายเสมหะ ไขมันที่สะสมในตับ ทำให้ตับสามารถทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ระบบการหลั่งกรดมาย่อยอาหารเป็นไปได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีทั้งทำเป็นยาน้ำ และยาผงชนิดแคปซูล โดยปกติการใช้จะเป็นการทานก่อนอาหารเช้า และเย็น ทานจนกว่าอาการของโรคจะดีขึ้น

2. การปรับพฤติกรรม
     ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะสาเหตุของโรคนั้นมาจากพฤติกรรม ซึ่งโรคจะหายช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นกับพฤติกรรมนั่นเอง โดยพฤติกรรมที่ควรปรับ คือ
     2.1 การทานอาหาร ควรทานอาหารให้ตรงต่อเวลา อาหารที่ย่อยง่าย อาหารที่ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก อาหารรสจัด อาหารที่ไขมันสูง
     2.2 การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำเปล่าที่ไม่เย็น โดยดื่มให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน โดยแบ่งดื่มทั้งวัน และไม่ควรดื่มน้ำอัดลม น้ำที่เย็นจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอร์
     2.3 การขับถ่าย ต้องขับถ่ายทุกวัน เป็นเวลา ไม่ควรกลั้นอุจจาระ และปัสสาวะ
     2.4 การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์

     เพียงเท่านี้ โรคยอดฮิตโรคกรดไหลย้อนก็ถูกพิชิตได้ด้วยยาสมุนไพร และด้วยตัวเราเอง...

     บทความโดย
พท.อมรชัย แก้วเรือน





     

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

มะขามป้อม !! เสือซ่อนเล็บ – ลดไขมันในเลือด ต้านตับอักเสบ ของดีของเด็ดสมุนไพรไทยที่น่าจับตามอง

มะขามป้อม !! เสือซ่อนเล็บ – ลดไขมันในเลือด ต้านตับอักเสบ ของดีของเด็ดสมุนไพรไทยที่น่าจับตามอง



วันนี้เรามาทำความรู้จักกับผลไม้ลูกเล็กๆ มะขามป้อม สรรพคุณ ที่สามารถเป็นยารักษาโรคได้ที่หมอสมุนไพรนิยมใช้กันมาก ถือว่าเป็นพืชวัตถุพื้นฐานอีกชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในตำรับยาไทยมากมาย ที่มีประวัติใช้กันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล



King of Vitamin - C Fruits มะขามป้อม รสชาติ ฝาด-เปรี้ยว ขมหวาน เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุด มากว่าส้มถึง 20 เท่า มีกรดอะมิโนดีที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังสามารถช่วยร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีด้วย

ถือว่าเป็นผลไม้ที่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ

ลักษณะมะขามป้อม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบจะคล้ายกับใบมะขาม ลำต้นเป็นสีน้ำตาล ผลของมะขามป้อมจะมีลักษณะกลม มีเส้นแบ่งเป็นรอยเหมือนกลีบอยู่ 6 เส้น สามารถรับประทานแบบดิบ คั้นน้ำดื่ม บดผงหรือแปรรูปเป็น มะขามป้อมแห้ง ถูกใช้เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว ชาวบ้านนิยมรับประทานแบบดิบๆจิ้มเกลือ



มะขามป้อม ถูกใช้เป็นตัวยาหลักอย่างหนึ่งใช้รักษาโรคและได้มีการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ไว้ที่สหรัฐอเมริกา ใช้เป็นยาที่รักษาอาการเกี่ยวกับตับอักเสบ ซึ่งสามารถใช้ได้ผลที่ดีเยี่ยม มีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์มาก และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ดี
มะขามป้อมราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่มีอยู่มากมาย

การใช้เป็นยารักษาโรค ได้ถูกจัดให้เป็นยาแก้ในทางเสมหะสมุฏฐาน

ในพิกัดยา 3 สิ่ง ตรีผลา

มีสรรพคุณปรับสมดุลของร่างกาย ลดไขมันในเลือด ไขมันพอกตับ และปัญหามีเส้นเลือดฝอยที่ตาขาวมากๆ

พิกัดยา 4 สิ่ง จตุผลาธิกะ ประกอบไปด้วย สมอภิเภก สมอไทย มะขามป้อม สะมอเทศ

ตำรับยา มหาพิกัดทั่วไป และยังถูกใช้เข้าตำรับยาในกลุ่มแก้อาการแก้ไอ แก้เจ็บคอ แก้หวัดได้อีกด้วย

ยารักษาโรคริดสีดวง โรคที่เกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ กลุ่มของยาระบาย บางกลุ่มนิยมใช้ มะขามป้อม ลดน้ำหนัก



มะขามป้อมในแนวทางพืชเศรษฐกิจ มีการใช้ในประเทศเป็นจำนวนมากปัจจุบันได้มีหลายหน่วยงานพยายามส่งเสริมการปลูกให้กับผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ที่ใช้มะขามป้อมส่วนมากจะนำไปผลิตเป็นยาสมุนไพรรักษาโรค จึงมีความต้องการผลผลิตที่ปลอดภัยจากสารเคมี และถูกปลูกด้วยวิธีที่ถูกต้องจึงจะมีสารสำคัญที่ครบถ้วนเหมาะกับการผลิตเป็นยา เป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกง่ายให้ผลผลิตที่คุ้มค่า


มีการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ยาสมุนไพรรักษาโรคมากขึ้นเป็นโอกาสในการสร้างอาชีพที่ดีมากขึ้น
ส่งเสริมการส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพร

ถึงแม้ว่ามะขามป้อมไม่มีโทษ แต่การรับประทานให้เป็นยาอย่างถูกวิธี ควรที่จะศึกษาหาข้อดีข้อเสียเสียก่อน หรือทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาเภสัชกรแผนไทยก่อนจะเหมาะสมที่สุดนะครับ

ยาสมุนไพรไทย ถ้าใช้เป็นและถูกวิธี มีคุณค่าอย่างมากมาย ทั้งรักษาโรคและฟื้นฟูได้จริงครับ

- inew man81

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2561

พิชิตไข้หวัด ในแบบแผนไทย

รักษาโรคไข้หวัด ได้อย่างง่ายดาย ในแบบการแพทย์แผนไทย



ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     เมื่อพูดถึงโรคไข้หวัดในแบบการแพทย์แผนไทยแล้ว สามารถที่จะแยกจำแนกออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน ซึ่งได้มีการระบุไว้ในคัมภีร์ตักศิลา มาตั้งแต่โบราณ ดังนี้

1. ไข้หวัดน้อย 
     ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดน้อยจะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นไข้ตัวร้อน ปวดศีรษะ ไอ จาม มีเสมหะ น้ำมูกตก โดยไข้หวัดน้อยนี้สามารถพบได้ตลอดทั้่งปี ไม่จำแนกว่าจะเป็นฤดูใด 

2. ไข้หวัดใหญ่
     ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ อาการโดยร่วมจะคล้าย ๆ กับไข้หวัดน้อย แต่จะมีอาการที่รุนแรงกว่า ซึ่งจะพบว่ามักมีอาการร้อนใน ปากแห้ง คอแห้ง ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว น้ำมูกไหลตกมาก


     สมมุติฐานการเกิดโรคไข้หวัด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดน้อย หรือไข้หวัดใหญ่นั้น ทางคัมภีร์ตักศิลาได้กล่าวไว้ว่า เกิดจากการที่สภาพร่างกายเรามีการกระทบอากาศร้อน กระทบอากาศเย็น ถูกกระทบน้ำฝนมากเกินควร ซึ่งกล่าวได้คือ เมื่อร่างกายของเรามีการสัมผัสกับสภาพอากาศร้อน หรือเจอกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น หรือเจอกับสภาพอากาศที่เป็นฝน มากจนเกินไป จะทำให้ธาตุในร่างกายมีการแปรปรวน กำเริบ ตกบกพร่อง จนเกิดความไม่สบายขึ้นมานั่นเอง

     ซึ่งในปัจจุบันนั้นเราจะพบว่าคนเรามักป่วยด้วยโรคไข้หวัดนั่นบ่อยมากขึ้น บางคนป่วยเป็นเกือบทั้งปี โดยมีสาเหตุจากการที่ต้องนั่นทำงานในห้องแอร์ที่มีอากาศเย็น เมื่อออกจากห้องมาเจอกับสภาพอากาศที่ร้อน ครั้นบ่อยครั้งเข้า ก็ทำให้ธาตุในร่างกายแปรปรวนจนเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาในที่สุด

     สมุนไพรกับโรคไข้หวัด ในยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ ได้มีตัวยาสมุนไพรตำรับหนึ่ง ที่มีสรรพคุณในการดูแลรักษาอาการของโรคไข้หวัดไว้ ซึ่งก็คือ ยาจันทน์ลีลา 

ภาพประกอบจาก www.samunpri.com

     ยาจันทน์ลีลา เป็นหนึ่งในยาสามัญประจำบ้านที่ควรมีไว้ประจำตู้ยาในบ้าน ส่วนประกอบของยาสมุนไพรตำรับนี้ช่วยในการลดอาการไข้ตัวร้อน อาการร้อนใน ปากแห้งคอแห้ง ช่วยในเรื่องอาการอ่อนเพลียในเนื่องมาจากไข้ได้ดีอีกด้วย
     แต่เดิมยาตำรับนี้จะเป็นยาชนิดผง เวลาจะใช้จะต้องนำมาละลายน้ำกระสายยาดื่ม แต่ในปัจจุบันนี้ ได้มีการผลิตแบบตอกเม็ด หรือทำแคปซูล ทำให้ง่ายต่อการใช้ยามากยิ่งขึ้น
     ขนาดการใช้ยาตำรับนี้นั้น ในผู้ใหญ่จะใช้ครั้งละ 2-4 แคปซูล ทุก ๆ 4 ชั่วโมง ส่วนในเด็กจะใช้ครั้งละ 1-2 แคปซูล ทุก ๆ 4 ชั่วโมง เช่นกันกับในผู้ใหญ่

     ในบางครั้งเมื่อเป็นไข้หวัด มักจะมีเสมหะ ไอ เจ็บคอ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถบรรเทาได้ด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน ที่หาได้ในครัวเรือน ซึ่งก็คือ น้ำมะนาว นั่นเอง

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     โดยการนำน้ำมะนาวละลายกับน้ำอุ่น แทรกเกลือเล็กน้อย ใช้จิบเมื่อมีอาการไอ เจ็บคอ หรือเมื่อรู้สึกมีเสมหะในคอ จะช่วยทำให้เกิดการชุ่มคอ ลดการระคายเคืองคอ ได้ดี
     สำหรับในผู้ที่มีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกร่วมด้วยนั้น ก็สามารถใช้สมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งมาช่วยบรรเทาอาการ ซึ่งก็คือ น้ำขิง นั่นเอง

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

     เมื่อรู้สึกมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล สามารถที่จะใช้น้ำขิงมาจิบ ดื่ม ซึ่งจะช่วยให้อาการคัดจมูกนั้นบรรเทาลงได้ โดยเฉพาะก่อนนอนที่ผู้ป่วยไข้หวัดมักจะมีอาการคัดจมูก

     เมื่อใช้สมุนไพรดูแลอาการต่าง ๆ ของโรคไข้หวัดแล้ว ต่อมาก็คือการปฏิบัติตัวเมื่อมีอาการของไข้หวัด ก็คือการหลีกเลี่ยงการกระทบอากาศที่เย็น การดื่มน้ำเย็น ทานอาหารที่ย่อยง่าย สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น สวมใส่ผ้าปิดจมูก และนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ก็สามารถดูแลตัวเองให้หายจากโรคหวัดได้


     บทความโดย
พท.อมรชัย แก้วเรือน








วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ฟ้าทะลายโจร สรรพคุณ ต้านเชื้อไวรัส แก้ไข้หวัดและเจ็บคอ

ฟ้าทะลายโจร สรรพคุณ ต้านเชื้อไวรัส แก้ไข้หวัดและเจ็บคอ


พืชสมุนไพรต้นเล็กลำต้นออกเป็นมุมเหลี่ยม มีการปลูกและขยายพันธุ์ได้ง่ายเหมาะกับบ้านเรา
สามารถพบเห็นได้มากมักนิยมปลูกไว้ตามครัวเรือนทั่วไป ซึ่งโบราณเราใช้ประโยชน์ในทางยากันมานานแล้ว

หลายท่านคงจะได้ยินชื่อหรือเคยเห็นต้นฟ้าทะลายโจรกันมาบ้างแล้ว เพราะเป็นสมุนไพรไทยที่คุ้นเคยมานาน ได้รับรู้ว่าสามารถแก้อาการ หรือโรคต่างๆได้หลากหลาย แต่ก็ได้ยินมามากว่าเป็นสมุนไพรที่อันตรายจึงไม่กล้าที่จะรับประทานเป็นยา หรือกลัวผลข้างเคียงฟ้าทะลายโจร



เรามาทำรู้จักสมุนไพรที่ชื่อว่า ฟ้าทะลายโจร กันนะครับ

ฟ้าทะลายโจร ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata เป็นพืชล้มลุก

มีรสขม ทางยาไทยใช้รสยาเป็นสรรพคุณ บำรุงธาตุ บำรุงน้ำดี แก้ไข้ เจริญอาหาร 

และยังสามารถใช้ยาฟ้าทะลายโจรแก้โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ


องค์การอนามัยโลก WHO ได้รับรองฟ้าทะลายโจรว่าสามารถใช้รักษาอาการหวัดได้


แก้หวัด แก้เจ็บคอ โดยรับระทาน 4-5 วันตามขนาดที่เหมาะสม

อาการสามารถดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ถือว่าเป็นสมุนไพรที่สามารถทดแทนการทานยาเคมีได้อย่างดี

เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ




การวิจัยฟ้าทะลายโจร 
ที่ผ่านมามีการทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรชนิดนี้แล้ว ซึ่งมีผลการวิจัยและได้ข้อสรุป
เกี่ยวกับต้นฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญในการรักษาโรคได้ดี

- เช่นการต้านอนุมูลอิสระ มีผลในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย

- เชื้อของไข้มาลาเรีย

- เกี่ยวกับระบบหลอดเลือด

- การต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด

- หรือการยับยั้งเซลล์มะเร็ง

มีคุณสมบัติทางยาในการต้านเชื้อไวรัสได้ดี



ฟ้าทะลายโจรที่จำหน่ายในท้องตลาดมีหลากกลายรูปแบบ แบบตอกเม็ด แบบบดผง แบบสมุนไพรแห้ง

หรือ หรือฟ้าทะลายโจรแคปซูล 7-11 หรือในร้านสะดวกซื้อ แนะนำให้ซื้อตามร้านยาแผนโบราณทั่วไปที่

มีเภสัชการแผนไทยแนะนำการใช้ยาได้จะดีที่สุดครับ


การใช้สมุนไพรเดี่ยวทุกชนิดจะมีข้อจำกัดในการทาน 

อย่างของฟ้าทะลายโจรห้ามกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

เพราะจะทำให้เกิดอาการอ่อนแรง มือเช้าชา เนื่องจากเป็นสมุนไพรไพรที่มีฤทธิ์เย็น

หรือหลังจากรับประทานแล้วมีอาการท้องเสีย ท้องเดิน ปวดท้อง

หรือเวียนหัวให้หยุดการทานยาทันที



มีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในกลุ่มของตำรับที่เกี่ยวกับการบำรุงกำลัง

ลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลายมีสรรคุณที่ดี

แต่ควรใช้ให้ถูกวิธืและในปริมาณที่เหมาะสมจะดีที่สุดครับ

ผู้อ่านท่านใดมีประสบการณ์ในการใช้สมุนไพรชนิดนี้

หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถคอมเม้นต์ได้นะครับ
 
วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน.

-inew man81

สมุนไพรกับโรค !! เบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจโต (ตอนที่1)

สมุนไพรกับโรค !! เบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจโต      โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไขมันในเส้นเลือดสูง และโรคหัวใจโต ในปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็น...